ไทยและชิลีเจรจา FTA ทุกมิติการค้ามุ่งหวังขยายการค้าและการลงทุน
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ได้เป็นหัวหน้าผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีไทย-ชิลี ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 23-25 พฤษภาคม 2554 ณ กรุงซานติอาโก ประเทศชิลี โดยทั้งสองฝ่ายได้เริ่มเจรจาจัดทำร่างความตกลงการค้าเสรีไทย-ชิลีทั้งข้อบทต่างๆ และแนวทางการเปิดเสรี โดยรวมทุกประเด็นในความตกลงฉบับเดียวครอบคลุมการค้าสินค้า กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า พิธีการศุลกากร มาตรการปกป้องและเยียวยาทางการค้า มาตรการสุขอนามัยพืช มาตรการอุปสรรคทางเทคนิคต่อการค้า การค้าบริการ การลงทุน และประเด็นกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง ความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ซึ่งไทยและชิลีได้ร่วมกันยกร่างข้อบทของความตกลงในเรื่องดังกล่าวมาล่วงหน้าแล้ว เพื่อให้มีความคืบหน้าในการจัดทำความตกลงให้มากที่สุด โดยรวมทั้งสองฝ่ายมีแนวทางการจัดทำความตกลงในทิศทางที่สอดคล้องกัน
ในเรื่องการเปิดตลาดการค้าสินค้า จากการที่ไทยและชิลีมีโครงสร้างการค้าที่เกื้อกูลกัน โดยสินค้านำเข้าสำคัญของชิลีส่วนใหญ่เป็นสินค้าอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญของไทย ในขณะที่ ไทยนำเข้าวัตถุดิบจากชิลีซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักของชิลีส่งผลให้การเจรจาเปิดตลาดการค้าสินค้ามีความคืบหน้าค่อนข้างมาก ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะเปิดตลาดการค้าสินค้าโดยให้ครอบคลุมสินค้าที่ทั้งสองฝ่ายมีการค้าระหว่างกันให้มากที่สุด และสินค้าที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพในการส่งออกไปตลาดโลก รวมทั้งใช้เวลาในการเปิดเสรีที่ไม่ยาวนานมากนัก เพื่อขยายโอกาสในการส่งออกระหว่างกันในระยะยาว โดยทั้งสองฝ่ายจะพิจารณารายการสินค้าที่จะเปิดตลาดระหว่างกันในการประชุมครั้งต่อไป
สำหรับการเจรจาเรื่องการเปิดเสรีการค้าบริการและการลงทุน ไทยและชิลีค่อนข้างจะมีท่าทีไปในทิศทางเดียวกัน เว้นแต่เรื่องการเปิดเสรีที่อาจจะต้องเจรจากันต่อไปอีกพัก แต่ทั้งสองฝ่ายก็แสดงความยืดหยุ่นเพื่อที่จะเจรจาให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
ในเรื่องการจัดทำมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชและมาตรฐานสินค้าก็เจรจาไปได้อย่างค่อนข้างรวดเร็ว โดยเฉพาะไทยและชิลีอยู่ระหว่างการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการด้านมาตรการสุขอนามัยและสุขอนามัยพืชอยู่แล้ว
ส่วนในเรื่องกฎเกณฑ์อื่นๆ อาทิ กฎถิ่นกำเนิดสินค้า และพิธีการศุลกากร โดยที่ทั้งสองฝ่ายต่างก็มีประสบการณ์ในการจัดทำร่างความตกลงในเรื่องดังกล่าวมาแล้วจาก FTA หลายฉบับ จึงทำให้มีความคืบหน้าไปได้เร็วพอสมควรเช่นกัน
สำหรับความร่วมมือทางเศรษฐกิจ ทั้งสองฝ่ายเห็นว่าควรเสริมสร้างสาขาความร่วมมือที่ทั้งสองฝ่ายมีศักยภาพและจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจการค้าระหว่างกัน ได้แก่ การเกษตร ประมง ป่าไม้ เหมืองแร่ พลังงาน SMEs การท่องเที่ยว การส่งเสริมการค้าและการลงทุน การอำนวยความสะดวกทางการค้าและโลจิสติกส์ การเงิน และโทรคมนาคม เป็นต้น
ปัจจุบัน ชิลีจัดเป็นตลาดใหม่ที่มีศักยภาพโดยเป็นประเทศคู่ค้าสำคัญอันดับ 3 ของไทยในภูมิภาคอเมริกาใต้ รองจากบราซิล และอาร์เจนตินา ในปี 2553 การค้าสองฝ่ายมีมูลค่า 818.94 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 173.45 จากปี 2552 และชิลีมีนโยบายเปิดเสรีโดยมุ่งหาพันธมิตรทางเศรษฐกิจกับประเทศในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างเจรจา FTA กับเวียดนาม และได้สรุปผลการเจรจาการค้าสินค้ากับมาเลเซียแล้ว ดังนั้น ในโอกาสที่ไทยจะเป็นพันธมิตรทางเศรษฐกิจกับชิลีภายใต้การเจรจา FTA จะช่วยส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยได้ประโยชน์ในการขยายการค้าและการลงทุนในภูมิภาคอเมริกาใต้ รวมทั้ง เสริมสร้างความสามารถทางการแข่งขันในระยะยาวต่อไป
การเจรจา FTA รอบที่ 3 จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 26-29 กรกฎาคม 2554 ที่กรุงเทพฯ คาดว่าน่าจะสามารถสรุปผลการเจรจาได้ภายในปี 2555 ตามเป้าหมาย อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศกล่าว
-----------------------------------
สำนักอเมริกา ยุโรป และแอฟริกา
มิถุนายน 2554